Category Archives: จัดฟัน

คำแนะนำหลังปรับลวดจัดฟัน

คำแนะนำหลังปรับลวดจัดพัน           การจัดฟัน เป็นการรักษาความผิดปกติ ของการเรียงฟัน และการสบฟัน รวมทั้งปัญหาความผิดปกติของขนาดและความสัมพันธ์ของขากรรไกรต่อใบหน้า เพื่อให้มีการสบฟันที่ดีขึ้นและการบดเคี้ยวอาหารที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุหรือโรคเหงือก อันเนื่องมาจากการทำความสะอาดฟันและเหงือกที่ยุ่งยาก ในบริเวณที่ฟันเรียงตัวผิดปกติ นอกจากนี้ยังอาจช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพจากการที่มีฟันเรียงกันสวยงาม โดยปกติแล้วการจัดฟันจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง – 3 ปี หลังจากที่ทันตแพทย์ได้ทำการติดเครื่องมือจัดฟันแล้ว ก็จะทำการนัดหมาย โดยส่วนใหญ่จะนัดทุกๆ 1 เดือน เพื่อปรับลวด เปลี่ยนยาง หรือเปลี่ยนชิ้นงาน ขึ้นอยู่กับประเภทของการจัดฟัน โดยหลังจากพบทันตแพทย์แล้ว ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ 1.ทุกครั้งที่มีการปรับเครื่องมือ ก็จะมีอาการตึงหรือเจ็บ เพราะฟันกำลังมีการเคลื่อนตัวตามแรงดึงของเครื่องมือ ดังนั้นในช่วงนี้ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน เพื่อให้อาการระบมหายเร็วขึ้น 2.อาจมีอาการระคายเคืองในช่องปากตรงบริเวณกระพุ้งแก้ม ให้ใช้ขี้ผึ้งป้ายบริเวณที่ระคายเคือง เพื่อลดอาการเหล่านี้ได้ 3.หากมีอาการเจ็บหรือปวดในช่องปาก สามารถทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการได้ 4.อาการฟันโยก เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้หลังการปรับเครื่องมือ โดยจะเป็นอยู่ประมาณ 5-7 วันเท่านั้น 5.หากมีลวดจัดฟันหลุด ให้ใช้ยางลบดันเข้าไปในร่องเครื่องมือขึ้นไป แต่หากไม่แน่ใจให้กลับไปพบทันตแพทย์ 6.ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดช่องปากและเครื่องมือจัดฟัน ต้องดูแลเป็นอย่างดีด้วยการแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

ทำไมต้องทำฟันจัดฟันกับสกายเทรนเด็นทอลกรุ๊ป

         ปัญหาที่เกี่ยวกับการจัดเรียงของฟันในช่องปากที่ไม่สวยงาม อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจ หรือในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหาร การทำความสะอาดช่องปาก โดยปัญหาต่างๆ ดังข้างต้นนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน แต่ปัญหาอีกอย่างก็คือ ไม่รู้จะจัดฟันที่ไหนหรือไม่รู้ว่าต้องเลือกคลินิกที่ให้บริการจัดฟันอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?9 ข้อ ทำไมต้อง “จัดฟัน” กับ SKYTRAIN DENTAL GROUP1.ทีมทันตแพทย์ทุกท่านจบปริญญาโท และปริญญาเอก สาขาทันตกรรมจัดฟันโดยตรง สามารถมั่นใจได้ว่าทันตแพทย์ที่ให้การรักษา เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถวางแผนการรักษาและแก้ปัญหาของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด2.มีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขา กรณีที่ต้องได้รับการรักษาทางทันตกรรมสาขาอื่นๆร่วมด้วย3.ผู้ช่วยทันตแพทย์ นับเป็นส่วนที่สำคัญเช่นกัน เนื่องจากต้องเตรียมเครื่องมือให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ขั้นตอนต่างๆ ต้องถูกต้องและแม่นยำ ดังนั้นเราคัดเลือกจากผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาโดยเฉพาะ เพื่อให้การทำงานช่วยข้างเก้าอี้ทันตแพทย์ได้อย่างราบรื่น และเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ มีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาโดยเฉพาะ4.มีทีมบริหารผู้ดูแลอย่างเป็นระบบ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกทั้งก่อน ระหว่างและภายหลังการรักษา โดยพร้อมที่จะช่วยเหลือเมื่อพบปัญหา เพื่อที่จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที5.มีเครื่องมือทางทันตกรรมที่ทันสมัย และระบบฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน6.คลินิกสะอาด เน้นการจัดวางทุกมุมให้ดูสบายตา และเป็นระเบียบ เพราะคลินิกในเครือของสกายเทรนเด็นทอลกรุ๊ป ได้ออกแบบโดยเน้นให้ท่านรู้สึกผ่อนคลาย และได้รับความสะดวกสบาย เมื่อมาใช้บริการกับทางคลินิกของเรา7.มีหลายสาขา ใกล้รถไฟฟ้า BTS เส้นสุขุมวิท การเดินทางและที่ตั้งของคลินิกก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพราะต้องมาพบทันตแพทย์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันนั้นค่อนข้างนาน ฉะนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่มีการเดินทางสะดวก […]

คำแนะนำหลังใส่รีเทนเนอร์

        รีเทนเนอร์ทำหน้าที่คงสภาพฟัน ให้อยู่เหมือนเดิมหลังจากจัดฟัน เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนจากตำแหน่งเดิม ซึ่งคนที่ถอดเหล็กจัดฟันออกแล้ว จะต้องใส่รีเทนเนอร์ไว้อย่างต่อเนื่อง ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ถ้าหากหลงลืม หรือว่าไม่ใส่ใจ และไม่มีระเบียบวินัยในการใส่รีเทนเนอร์ ก็จะทำให้ฟันล้ม, ฟันเก, ฟันห่างได้ค่ะ ข้อปฏิบัติหลังการใส่รีเทนเนอร์        ความสะอาดของรีเทนเนอร์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เรามี วิธีการทำความสะอาดรีเทนเนอร์แบบง่าย ๆ ได้ผล และสามารถทำได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น  รีเทนเนอร์เป็นอุปกรณ์ช่วยคงสภาพฟัน เพื่อให้ฟันและเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ สามารถปรับตัวกับตำแหน่งใหม่ในช่องปาก ถ้าหากไม่ใส่รีเทนเนอร์ จะทำให้ฟันเคลื่อนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมได้ ในช่วงแรกที่ใส่รีเทนเนอร์ อาจจะรู้สึกรำคาญ, ตึงที่บริเวณฟัน, น้ำลายเยอะผิดปกติ, พูดไม่ค่อยชัด ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ เพราะว่าร่างกายของเรายังไม่คุ้นชิน ผ่ายไป 2-3 สัปดาห์ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว การถอดรีเทนเนอร์ในระหว่างวัน ควรจะเก็บใส่กล่องให้มิดชิด ไม่ควรที่จะห่อด้วยกระดาษทิชชู่ เพราะอาจจะสูญหาย หรือถูกทับแตกได้ […]

การดูแลตัวเองหลังติดเครื่องมือจัดฟัน

         หลังจากที่คุณติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว จะมีเศษอาหารติดได้ง่ายกว่าปกติที่บริเวณซอกฟันและเครื่องมือจัดฟัน จะทำให้ทำความสะอาดฟันได้ยากขึ้น ส่งผลทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบ ฉะนั้นแล้วหลังจากที่ติดเครื่องมือจัดฟันไป คนไข้จะต้องใส่ใจในการทำความสะอาดช่องปากให้มากกว่าเดิม ดังนี้ หลังทานอาหารจะต้องแปรงฟันทุกครั้ง เนื่องจากว่าการทานอาหารนั้น จะทำให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันและเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งในบางครั้งการบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ก็ไม่สามารถจะทำความสะอาดได้หมด และต้องแปรงฟันก่อนนอนด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันการสะสมของคราบแบคทีเรียในขณะที่นอนหลับ คนไข้ต้องใช้ไหมขัดฟันหลังจากทานอาหารทุกครั้ง หรือถ้าไม่สะดวก ก็ควรใช้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยใช้หลังจากแปรงฟันก่อนนอน เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามบริเวณชอกฟันและเครื่องมือจัดฟัน ไม่ให้เกิดการสะสมจนเหงือกเกิดการอักเสบหรือฟันผุ ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ และควรใช้น้ำยาบ้วนปาก ชนิดที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง การเลือกใช้แปรงสีฟัน ควรจะเลือกใช้แปรงสีฟันที่ออกแบบมาสำหรับคนจัดฟัน เพราะว่าจะสามารถทำความสะอาดง่ายกว่า และใช้ได้ดีกว่าการใช้แปรงสีฟันแบบธรรมดาทั่วไป หลังจากที่ติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว คนไข้ต้องมาพบกับทันตแพทย์ตามนัดหมายเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ทำการปรับเครื่องมือ เมื่อมีอาการปวดฟัน หรือว่าเสียวฟันมาก ให้คนไข้ทานยาแก้ปวดได้ เช่น พาราเซตามอน หรือว่า PONSTAN ซึ่งจะช่วยให้บรรเทาอาการดังกล่าวได้ จัดฟันในระยะแรก ๆ ให้คนไข้ทานอาหารชนิดอ่อน ๆ ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียวหรือแข็ง ควรจะงดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ […]

การเตรียมตัวก่อนติดเครื่องมือจัดฟัน

          ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากจะมีฟันสวยกันทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีฟันเก, ฟันซ้อน, ฟันห่าง และฟันเหยิน การจัดฟัน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้ และในยุคปัจจุบันนี้ก็นิยมทำกันมาก แต่การจัดฟันจะต้องมีขั้นตอนในการเตรียมตัว เช่น การตรวจสภาพของช่องปาก รวมไปถึงขั้นตอนในการจัดฟัน และการตรวจรักษา ซึ่งล้วนแล้วแต่จะต้องใช้ระยะเวลาและการทำความเข้าใจ ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนจัดฟัน           ขั้นตอนในการจัดฟันก็จะคล้าย ๆ กัน แต่จะต่างกันที่รูปแบบของเครื่องมือที่ใช้ เช่น การจัดฟันแบติดเครื่องมือ และ การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ ในการเตรียมตัวก่อนจะจัดฟันคล้ายกัน ดังนี้ การไปปรึกษากับทันตแพทย์จัดฟันโดยตรงว่าคุณต้องการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง พร้อมรับทราบคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดฟันว่ามีวิธีอะไรบ้าง เพื่อจะได้ตัดสินใจถูกต้องว่าแบบไหนที่ตรงความต้องการของเรา ทันตแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยปัญหาของฟัน โดยการตรวจสุขภาพของช่องปาก สุขภาพของเหงือกว่าสามารถที่จะจัดฟันได้หรือไม่ พร้อมทั้งซักประวัติเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น มีโรคประจำ, มีประวัติการแพ้ยา, ประวัติมีการแพ้โลหะ และพลาสติก หรือว่ายาที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบันมีหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนการรักษาให้เหมาะสม วางแผนในการจัดฟัน เมื่อได้วิธีการจัดฟันที่เหมาะกับตนเองแล้ว ทันตแพทย์จัดฟันก็จะแจ้งขั้นตอนในการจัดฟัน และระยะเวลาในการติดเครื่องมือ […]

ทำไมต้องจัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้น

         การจัดฟัน เป็นการรักษาความผิดปกติของฟัน ไม่ใช่การทำศัลยกรรม ความสวยงามที่ได้จากการจัดฟันนั้น เป็นผลพลอยได้จากการจัดฟัน การจัดฟันช่วยในการแก้ไขปัญหาฟันที่มีการเรียงตัวผิดปกติ ให้กลับมาเรียงตัวกันเป็นระเบียบ และสวยงาม โดยการวางแผนการแก้ไข้ปัญหาฟันไม่เรียงตัวนั้น ต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อปรับรูปฟันให้เคลื่อนไปตรงตำแหน่งที่สวยงาม เหมาะสมมีผลทำให้รูปปาก และโครงใบหน้าที่ไม่สมส่วน ให้กลับมาดูดีขึ้นได้          ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน จะทำหน้าที่วินิจฉัย ป้องกัน และยังช่วยแก้ไขปัญหาการผิดปกติของการสบฟันและการเรียงตัวของฟัน รวมไปถึงความผิดปกติของขากรรไกรที่จะส่งผลต่อใบหน้าของคนไข้ด้วย ซึ่งทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันจะต้องเป็นผู้ที่เรียนจบหลักสูตรทันตแพทย์ทั่วไป 6 ปี หลังจากนั้นก็เรียนต่อในหลักสูตรทันตแพทย์จัดฟันอีก 2-4 ปี ซึ่งจะต้องสอบผ่านเท่านั้นถึงจะได้รับใบประกอบวิชาชีพทางทันตกรรม สาขาทันตกรรมการจัดฟัน          การจัดฟันจะต้องทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพราะว่าโครงสร้างภายในช่องปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฟันของบางคนมีการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ในขณะที่บางคนมีขนาดฟันใหญ่หรือเล็กเกินไป ฟันเก ฟันเหยิน ฟันห่าง ฟันซ้อน หรือปัญหาอื่น ๆ ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันมีปัญหา เช่น ส่งผลกระทบต่อการเคี้ยวหรือการบดอาหาร รวมไปถึงปัญหาด้านขากรรไกร และด้านบุคลิกภาพ ทำให้ไม่มีความมั่นใจ […]

ทันตแพทย์ทั่วไป vs ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน ต่างกันอย่างไร

  คงจะมีหลายท่านที่เกิดความสงสัยและสับสนว่าระหว่างทันตแพทย์ทั่วไป และทันตแพทย์เฉพาะทาง จัดฟันมีความแตกต่างกันอย่างไรเรามีบทความเกี่ยวกับทันตแพทย์ทั้ง 2 ประเภทมาแนะนำ เพื่อให้ท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของทันตแพทย์แต่ละประเภทได้ดีขึ้น และยังเป็นข้อมูลช่วยให้ตัดสินใจก่อนที่ท่านจะทำฟันและจัดฟันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทันตแพทย์ทั่วไป จะเน้นไปในเรื่องของการรักษาด้านทันตกรรมเป็นพื้นฐาน รวมทั้งการตรวจฟัน การทำความสะอาดฟัน และการอุดฟัน เป็นต้น ซึ่งทันตแพทย์บางแห่งอาจจะทำการรักษาด้านทันตกรรมและจัดฟันไปพร้อมกันนั่นเอง ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมจัดฟัน เนื่องจากต้องเรียนต่อหลังจากที่จบปริญญาตรีแล้ว โดยต้องใช้เวลาในการเรียนถึง 3 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น เพราะว่าเป็นการเรียนแบบศึกษาเชิงลึกและขั้นสูงกว่าการเรียนทันตแพทย์ทั่วไป ต้องฝึกปฏิบัติการด้านทันตกรรมจัดฟันเพียงอย่างเดียว จึงทำให้มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันโดยเฉพาะ ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาจัดฟัน จะทำหน้าที่ดูแลและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการผิดปกติของโครงสร้างฟัน ขากรรไกร และการสบฟัน โดยเครื่องมือที่ใช้รักษาจะเป็นเครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟันโดยเฉพาะ เพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพสูงสุด และทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาจัดฟัน จะช่วยให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ต้องการจัดฟันได้ดีกว่าทันตแพทย์ทั่วไป เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง เช่นเรื่องของโครงหน้าและฟันของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันก็จะให้คำแนะนำที่ต่างกัน หรือหากใครที่มีโรคประจำตัวควรจะแจ้งทันตแพทย์ ก่อนการจัดฟัน ทันตแพทย์ จะเป็นผู้พิจารณาว่าเราสามารถจัดฟันได้หรือไม่ และควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรขณะจัดฟัน เราจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของทันตแพทย์ และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่และทันตแพทย์ได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันหากอาการกำเริ่มระหว่างทำการรักษาหรือจัดฟันด้วย ดังนั้นก่อนการจัดฟันเราควรศึกษาข้อมูลของทันตแพทย์ที่เราจะจัดฟันด้วย ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการจัดฟันมีค่าใช้จ่ายและต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่ค่อนข้างนาน หากจัดฟันกับทันตแพทย์ทั่วไปหรือจัดฟันกับผู้ที่ไม่มีความชำนาญด้านการจัดฟัน อาจจะทำให้การจัดฟันของเราไม่ประสบความสำเร็จ เสียค่าใช้จ่ายและเวลาไปโดยสิ้นเปลือง หรือบางกรณีอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับช่องปากของเราได้ เช่น เกิดการติดเชื้อจากการรักษาไม่ถูกวิธีหรือจากเครื่องมือจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น  

ย้อนกลับด้านบน