จัดฟัน - saphankhwaiskytraindental

สารบัญเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการจัดฟัน

การจัดฟันคืออะไร

การจัดฟัน คือ การรักษาฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบโดยการใช้อุปกรณ์ทำการจัดฟัน เพื่อเคลื่อนฟันให้ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟัน จะเป็นผู้ทำการวินิจฉัยลักษณะของฟัน ว่าควรจะเลือกจัดฟันแบบใด เพื่อเป็นการปรับให้ฟันไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ช่วยทำให้ฟันมีการบดเคี้ยวที่ดีขึ้น และทำให้ฟันเรียงตัวกันอย่างสวยงาม เป็นระเบียบ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจด้วย

ประเภทการจัดฟัน

1.การจัดฟันประเภทโลหะ

การจัดฟันประเภทโลหะ หรือการจัดฟันชนิดยางสี จะสามารถเห็นได้ทั่วไป และเป็นที่นิยมในกลุ่มของวัยรุ่น เพราะว่าราคาไม่สูงมาก เป็นวิธีการจัดฟันโดยใช้อุปกรณ์ติดฝังแน่นบนฟัน ที่เรียกว่า Bracket เป็นสีโลหะสีเงิน ส่วนยางที่ใช้รัดลวดจัดฟันให้ติดกับ Bracket จะมีสีสันสดใส ทำหน้าที่ในการดึงฟันเพื่อช่วยในการเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันต้องการ

2. จัดฟันประเภทเซรามิก

การจัดฟันประเภทเซรามิก คือการจัดฟันที่ยึดติดแน่น คล้ายกันกับการจัดฟันประเภทโลหะ แต่จะต่างกันตรงที่อุปกรณ์ที่ใช้ยึดติดกับฟัน (Bracket) จะมีสีเหมือนฟัน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ากำลังจัดฟันชัดเจน แต่ยางที่ใช้ดึงฟัน (Oring) เป็นสีสดใส ส่วนลวดดัดฟันที่ใช้จัดฟันประเภทเซรามิก ก็ยังเป็นสีโลหะเงินเหมือนกันกับการจัดฟันประเภทโลหะ

3.จัดฟันประเภทดามอน

การจัดฟันประเภทดามอน คือการจัดฟันด้วยอุปกรณ์แบบ Damon เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใส่ยางรัดฟัน ทำงานด้วยระบบ Self-ligating Braces ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพิเศษเฉพาะของอุปกรณ์แบบบานพับ และลวดชนิดพิเศษที่ทำให้การเคลื่อนฟันไม่รู้สึกเจ็บมากนัก เหมาะกับคนที่กลัวความเจ็บปวดจากการจัดฟัน

4.จัดฟันประเภทใส

การจัดฟันประเภทใส คือ การจัดฟันไร้อุปกรณ์ ไร้ลวดดัดฟัน และสามารถถอดออกได้ อุปกรณ์การจัดฟันเป็นการออกแบบเฉพาะบุคคล เป็นอุปกรณ์จัดฟันที่ทำมาจากพลาสติกที่ผิวสัมผัสเรียบ และใส จึงมองแทบจะไม่เห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่

ข้อดีของการจัดฟัน

การจัดฟันคือการรักษาความผิดปกติของฟัน ทำให้บางคนหน้าอาจจะเปลี่ยนไปเลย ถือว่าการจัดฟันได้ความสวยเป็นผลพลอยได้
สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพของฟันและช่องปาก เนื่องจากก่อนทำการจัดฟันจะต้องเคลียร์ช่องปากให้สะอาดก่อนที่ทันตแพทย์จะทำการจัดฟัน เช่น รักษาฟันผุ, อุดฟัน, การผ่าฟันคุด และขูดหินปูน เป็นต้น
ทำให้เรามีระเบียบวินัยใส่ใจต่อสุขภาพของช่องปากและฟันมากขึ้น เพราะการจัดฟัน ต้องใช้เวลานาน อย่างน้อยก็ 2 ปี ขึ้นไป จึงทำให้เรามีวินัยในการทำความสะอาดฟันและช่องปากมากขึ้น
การจัดฟันช่วยให้การสบฟันถูกต้อง จริงๆแล้วหน้าที่หลักของฟันคือ การบดเคี้ยวอาหาร การจัดฟันจึงช่วยให้ฟันเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้น
เตรียมตัวก่อนทำการจัดฟัน

ขั้นตอนในการจัดฟัน

1. ต้องเข้าพบทันตแพย์ และปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อวางแผนในการรักษา พร้อมฟังคำแนะนำ และแนวทางในการรักษา รวมไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของค่าใช้จ่ายในการรักษา

2. หากเราต้องการจัดฟัน ทางทันตแพยทย์จะส่งเราไปทำการ X Ray ฟันเพื่อทำการจัดฟัน และหลังจากนั้นจึงทำการพิมพ์ปากแบบจำลองฟันของเรา เพื่อที่จะดูการสบฟัน แล้วนำมาวางแผนในการรักษา

3. ก่อนการจัดฟัน จะต้องเคลียร์ช่องปากก่อน อย่างเช่น ทำการขูดหินปูน, อุดฟัน หรือถอนฟัน แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของฟัน

4. หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดหมายเพื่อให้เรามาทำการติดตั้งอุปกรณ์การจัดฟัน โดยทันตแพทย์อาจจะเลือกติดตั้งอุปกรณ์ฟันบน หรือฟันล่างก่อน เพื่อที่จะดูการเคลื่อนที่ของฟัน และนำไปประกอบการวางแผนรักษาต่อไป

5. หลังจากนั้น ทันตแพทย์จะนัดทุก ๆ 1 เดือน เพื่อทำการปรับอุปกรณ์จัดฟัน โดยจะใช้เวลาในการจัดฟัน 2-3 ปี จะขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและปัญหาของแต่ละบุคคล

6. เมื่อจัดฟันเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะถอดอุปกรณ์จัดฟัน และทำรีเทนเนอร์ให้ใส่เพื่อเป็นการคงสภาพฟันไว้ และควรรับการตรวจเช็คประจำทุกปี หลังจากจัดฟันเสร็จแล้ว

เมื่อเราตัดสินใจจะจัดฟันแน่นอนว่าจะต้องเข้าพบกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการปรึกษาและตรวจสุขภาพของช่องปาก และดูความผิดปกติต่าง ๆในช่องปากของเราก่อน เพราะว่าบางทีช่องปากของเราอาจจะมีปัญหา อย่างเช่น มีฟันผุ, ฟันคุด และมีหินปูน ทันตแพทย์จะทำการรักษาให้หายเป็นปกติก่อนที่จะทำการจัดฟัน และตรวจดูลักษณะของฟัน ว่ามีการสบฟัน, ฟันยื่น, ฟันห่าง หรือฟันเก หลังจากนั้นทันตแพทย์จึงจะทำการวางแผนในการจัดฟัน โดยให้คนไข้เป็นคนเลือกแผนการักษาในการจัดฟัน อย่างเช่นว่า จะถอนฟัน หรือไม่ถอนฟัน แต่ทั้งนี้การเลือกก็จะต้องอยู่ภายใต้การให้คำแนะนำของทันตแพทย์